เรียนรู้วิธีการใช้งาน Canonical Tags ในการเพิ่มความน่าเชื่อถือให้กับเว็บไซต์ของคุณ
บทความนี้จะอธิบายถึงวิธีการใช้งาน Canonical Tags เพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือให้กับเว็บไซต์ของคุณ โดยอธิบายถึงประโยชน์ที่จะได้รับจากการใช้งานและวิธีการติดตั้งให้ถูกต้อง
Canonical Tags คืออะไร? ถ้าคุณเป็นผู้ดูแลเว็บไซต์หรือนัก SEO คุณอาจจะเคยได้ยินถึง Canonical Tags มาก่อนหน้านี้ แต่หากคุณยังไม่เข้าใจว่า Canonical Tags คืออะไร และทำงานอย่างไร ในบทความนี้เราจะมาทำความเข้าใจกันให้ลึกซึ้งขึ้น
Canonical Tags เป็นตัวช่วยสำหรับการทำ SEO ที่ช่วยป้องกันการเกิดข้อมูลซ้ำ (Duplicate content) ของเว็บไซต์ โดยการบอก Search Engine ว่า URL ที่อยู่ใน Tag นี้คือหน้าหลักของเว็บไซต์ (หรืออาจจะเรียกว่า “rel canonical” ก็ได้) ซึ่งจะช่วยให้อัลกอริทึมจดจำ (Index) หน้านั้น ๆ ในกรณีที่หน้าอื่นมีเนื้อหาซ้ำกันอยู่ โดยทำให้เว็บไซต์ของคุณมีความน่าเชื่อถือและมีความเป็นอันดับบน Search Engine ได้ง่ายขึ้น
การตั้งค่า Canonical Tags นั้นไม่ได้ยากอย่างที่คิด โดยคุณสามารถตั้งค่าได้ทั้งบนหน้า HTML และ CMS ของเว็บไซต์ การตั้งค่านี้จะช่วยให้เว็บไซต์ของคุณมีการเป็นอันดับบน Search Engine ได้ง่ายขึ้น และป้องกันการเกิดข้อมูลซ้ำ (Duplicate content) ของเว็บไซต์ของคุณได้อย่างมีประสิทธิภาพ
Key Takeaways
- Canonical Tags เป็นตัวช่วยสำหรับการทำ SEO ที่ช่วยป้องกันการเกิดข้อมูลซ้ำ (Duplicate content) ของเว็บไซต์
- การตั้งค่า Canonical Tags นั้นไม่ได้ยากอย่างที่คิด โดยคุณสามารถตั้งค่าได้ทั้งบนหน้า HTML และ CMS ของเว็บไซต์
- การตั้งค่า Canonical Tags จะช่วยให้เว็บไซต์ของคุณมีการเป็นอันดับบน Search Engine ได้ง่ายขึ้น และป้องกันการเกิดข้อมูลซ้ำ (Duplicate content) ของเว็บไซต์ของคุณได้อย่างมีประสิทธิภาพ
Canonical Tags คืออะไร
Canonical Tags หรือ “Tag แบบ Canonical” เป็นเครื่องมือที่ใช้ในการช่วยบอก Search Engine เพื่อให้รู้ว่า URL ที่อยู่ใน Tag นี้คือหน้าหลักของเว็บไซต์ (Rel Canonical) เพื่อให้อัลกอริทึมจดจำ (Index) หน้านั้น ๆ ในกรณีที่หน้าอื่นมีเนื้อหาซ้ำกันอยู่ และเพื่อป้องกันไม่ให้หน้าที่มีเนื้อหาซ้ำกับหน้าหลักปรากฏในผลการค้นหา ซึ่งจะทำให้ Google มองว่าเว็บไซต์ของเราไม่น่าเชื่อถือนั่นเอง
การใช้ Canonical Tags เป็นสิ่งสำคัญในการทำ SEO เพราะมันช่วยลดปัญหาของ Duplicate Content หรือเนื้อหาที่ซ้ำกัน ที่อาจจะเกิดขึ้นได้ในหลาย ๆ กรณี เช่น เว็บไซต์ที่มีหลายๆ หน้าที่มี URL คล้ายกันมาก หรือเว็บไซต์ที่มี Content ที่ซ้ำกันในหลาย ๆ หน้า เป็นต้น
การใช้ Canonical Tags ทำให้ Search Engine สามารถระบุว่า URL ใดคือหน้าหลักของเว็บไซต์ และเมื่อมีการค้นหาเว็บไซต์นั้นๆ ด้วย Keyword ต่างๆ ก็จะแสดงผลหน้าหลักของเว็บไซต์นั้นๆ ให้เป็นผลการค้นหาสูงสุด ซึ่งจะช่วยเพิ่มโอกาสในการเพิ่ม Traffic และยอดขายของเว็บไซต์ด้วย
การทำงานของ Canonical Tags
Canonical Tags เป็นโค้ด (rel=”canonical”) ที่ใช้บอก Search Engine ว่าหน้าเว็บไซต์ที่มี URL หลายตัวนั้น มี URL หลัก (Original page) ที่เราต้องการให้ Search Engine เข้ามาเก็บข้อมูลและแสดงผลบนหน้าค้นหา โดยหน้าเว็บไซต์ที่มี URL หลายตัวนั้นจะมีเนื้อหาที่เหมือนกันหรือเหมือนมาก ทำให้เกิดปัญหา Duplicate Content ซึ่งอาจทำให้เว็บไซต์ถูกลดความน่าเชื่อถือในการค้นหา หรือถูกลดอันดับใน Search Engine Result Pages (SERP) ได้
โดยการใช้ Canonical Tags เราสามารถระบุ URL หลักของเนื้อหาที่เราต้องการให้ Search Engine รู้จัก ซึ่งจะช่วยลดปัญหา Duplicate Content และเพิ่มโอกาสในการติดอันดับใน SERP ได้
เมื่อ Search Engine พบ Canonical Tags บนหน้าเว็บไซต์ จะเข้ามาเก็บข้อมูลและแสดงผลบนหน้าค้นหาโดยใช้ URL หลักที่เราระบุไว้ และไม่นำ URL อื่นๆ ที่มีเนื้อหาซ้ำกันออกมาแสดงผล ซึ่งจะช่วยลดปัญหา Duplicate Content และเพิ่มโอกาสในการติดอันดับใน SERP ได้
นอกจากนี้ Canonical Tags ยังช่วยให้ Search Engine รู้ว่าหน้าเว็บไซต์ที่มี URL หลายตัวนั้นเป็นหน้าเว็บไซต์ที่เราต้องการให้เข้ามาเก็บข้อมูลและแสดงผล ซึ่งจะช่วยให้ Search Engine สามารถเข้าถึงเนื้อหาที่เราต้องการให้แสดงผลได้อย่างถูกต้อง และช่วยเพิ่มโอกาสในการติดอันดับใน SERP ได้
วิธีการตั้งค่า Canonical Tags
Canonical Tags เป็นอีกหนึ่งเทคนิคที่ช่วยให้เว็บไซต์ของคุณมีความเป็นมาตรฐานในเรื่องของ SEO โดยที่ไม่ต้องลบหน้าเพจที่ซ้ำกันออกจากเว็บไซต์ ในส่วนนี้จะกล่าวถึงวิธีการตั้งค่า Canonical Tags ในเว็บไซต์ของคุณ
การปรับแต่งใน HTML
การตั้งค่า Canonical Tags ใน HTML นั้นเป็นวิธีที่ใช้ง่ายและไม่ยุ่งยากเท่าไร คุณสามารถเพิ่มโค้ดต่อไปนี้ได้ที่ส่วนหัวของหน้าเพจที่ต้องการตั้งค่า Canonical Tags
<link rel="canonical" href="https://www.example.com/page.html">
ในโค้ดด้านบน คุณสามารถแทนที่ URL ของหน้าเพจที่ต้องการตั้งค่า Canonical Tags ลงไปได้เลย โดย URL นี้จะต้องเป็น URL ของหน้าเพจที่เป็นหน้าหลักของเว็บไซต์
การปรับแต่งใน CMS
หากคุณใช้ CMS ในการสร้างเว็บไซต์ เช่น WordPress หรือ Joomla คุณสามารถตั้งค่า Canonical Tags ได้โดยไม่ต้องแก้ไขโค้ด HTML โดยตรง ตามวิธีการต่อไปนี้
WordPress
ใน WordPress คุณสามารถตั้งค่า Canonical Tags ได้โดยใช้ Plugin Yoast SEO โดย Plugin นี้จะช่วยให้คุณสามารถตั้งค่า Canonical Tags ได้อย่างง่ายดาย โดยเข้าไปที่หน้าเพจที่ต้องการตั้งค่า แล้วไปที่ส่วนของ Yoast SEO และเลือกหัวข้อ Advanced จากนั้นใส่ URL ของหน้าเพจที่ต้องการตั้งค่า Canonical Tags ลงไปในช่อง Canonical URL
Joomla
ใน Joomla คุณสามารถตั้งค่า Canonical Tags ได้โดยใช้ Plugin SH404SEF โดย Plugin นี้จะช่วยให้คุณสามารถตั้งค่า Canonical Tags ได้อย่างง่ายดาย โดยเข้าไปที่เมนู Components > SH404SEF > URL Manager แล้วใส่ URL ของหน้าเพจที่ต้องการตั้งค่า Canonical Tags ลงไปในช่อง Canonical URL
หลังจากที่คุณตั้งค่า Canonical Tags เสร็จสิ้นแล้ว คุณจะสามารถตรวจสอบการทำงานของ Canonical Tags ได้โด
ข้อผิดพลาดที่พบบ่อยในการใช้งาน Canonical Tags
การใช้งานที่ไม่ถูกต้อง
การใช้งาน Canonical Tags ไม่ถูกต้องอาจทำให้เกิดปัญหาในการทำ SEO ของเว็บไซต์ได้ ดังนั้น การใช้งาน Canonical Tags ควรปฏิบัติตามหลักการที่ถูกต้องเพื่อป้องกันการเกิดข้อผิดพลาดต่าง ๆ
ตัวอย่างเช่น การใช้งาน Canonical Tags ในหน้าที่ไม่มี URL ที่ซ้ำกัน หรือการใช้งาน Canonical Tags ในหน้าที่มี URL ที่ซ้ำกันมากกว่า 1 URL โดยไม่ได้ทำการระบุ URL หลักที่เป็นค่าเริ่มต้นให้กับ Canonical Tags อาจทำให้ Google ไม่สามารถเข้าถึงหน้าเว็บไซต์ของเราได้ และทำให้เว็บไซต์ของเราไม่ปรากฏในผลการค้นหา
การตั้งค่าที่ซ้ำซ้อน
การตั้งค่า Canonical Tags ที่ซ้ำซ้อนกันในหน้าเว็บไซต์เดียวกันอาจทำให้เกิดปัญหาในการทำ SEO ของเว็บไซต์ได้ ดังนั้น การตั้งค่า Canonical Tags ควรปฏิบัติตามหลักการที่ถูกต้องเพื่อป้องกันการเกิดข้อผิดพลาดต่าง ๆ
ตัวอย่างเช่น การตั้งค่า Canonical Tags ซ้ำกันในหน้าเว็บไซต์เดียวกัน อาจทำให้ Google ไม่สามารถเข้าถึงหน้าเว็บไซต์ของเราได้ และทำให้เว็บไซต์ของเราไม่ปรากฏในผลการค้นหา ดังนั้น การตั้งค่า Canonical Tags ควรเป็นค่าที่ไม่ซ้ำซ้อนกันเพื่อป้องกันการเกิดข้อผิดพลาดของเว็บไซต์
อย่างไรก็ตาม การใช้งาน Canonical Tags ถูกต้องอาจไม่เพียงพอเพื่อป้องกันการเกิดข้อผิดพลาดต่าง ๆ ดังนั้น ควรใช้งาน Canonical Tags ร่วมกับการทำ SEO อื่น ๆ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำ SEO ของเว็บไซต์
การประเมินผลของ Canonical Tags
การตรวจสอบผลลัพธ์
หลังจากการใช้ Canonical Tags บนเว็บไซต์แล้ว ผู้ดูแลเว็บไซต์จะต้องตรวจสอบผลลัพธ์เพื่อทำการปรับปรุงต่อไป โดยการตรวจสอบผลลัพธ์นั้นสามารถทำได้โดยการใช้ Google Search Console หรือ Google Analytics เพื่อตรวจสอบว่าหน้าเว็บไซต์ที่ต้องการให้เป็นหน้าหลัก ได้ถูก Index โดย Google หรือไม่ โดยผู้ดูแลเว็บไซต์สามารถดูได้จากจำนวนคลิกและการเข้าชมหน้านั้น ๆ ของเว็บไซต์
การวิเคราะห์ผล
หลังจากการตรวจสอบผลลัพธ์แล้ว ผู้ดูแลเว็บไซต์จะต้องวิเคราะห์ผลเพื่อหาวิธีการปรับปรุงต่อไป โดยผู้ดูแลเว็บไซต์สามารถวิเคราะห์ผลได้จากการดูข้อมูลเชิงลึกที่เกี่ยวข้องกับการใช้ Canonical Tags โดยวิเคราะห์ผลนั้นสามารถทำได้โดยใช้ Google Analytics เพื่อดูข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับการเข้าชมหน้าเว็บไซต์ และ Google Search Console เพื่อดูข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับการ Index ของหน้าเว็บไซต์
การวิเคราะห์ผลนี้จะช่วยให้ผู้ดูแลเว็บไซต์สามารถปรับปรุงการใช้ Canonical Tags ให้เหมาะสมและมีประสิทธิภาพต่อการทำ SEO ของเว็บไซต์ของตน โดยผู้ดูแลเว็บไซต์สามารถปรับปรุงการใช้ Canonical Tags โดยการเปลี่ยน URL หน้าเว็บไซต์ที่ต้องการให้เป็นหน้าหลัก หรือเพิ่มหรือลดจำนวน URL ที่ต้องการใช้ Canonical Tags ให้เหมาะสมกับเว็บไซต์ของตน
การใช้ Canonical Tags ใน SEO
Canonical Tags และการจัดอันดับเว็บไซต์
การใช้ Canonical Tags เป็นหนึ่งในเทคนิคการทำ SEO ที่มีประสิทธิภาพสูงในการจัดอันดับเว็บไซต์ใน Google Search หรือเครื่องมือค้นหาอื่น ๆ อย่างเช่น Bing หรือ Yahoo! โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับเว็บไซต์ที่มีเนื้อหาซ้ำกันหลายหน้า หรือมี URL ที่คล้ายกันมากเกินไป การใช้ Canonical Tags จะช่วยให้ Google รู้ว่าหน้าไหนเป็นหน้าหลัก และไม่ให้เกิดปัญหา Duplicate Content ซึ่งอาจจะทำให้ Google ไม่สนใจเว็บไซต์ของเรา
Canonical Tags และการปรับปรุงคุณภาพเว็บไซต์
การใช้ Canonical Tags ยังช่วยให้เราสามารถปรับปรุงคุณภาพเว็บไซต์ได้อีกด้วย โดยเราสามารถใช้ Canonical Tags เพื่อรวมเนื้อหาที่มีความสัมพันธ์กันเข้าด้วยกัน ซึ่งจะช่วยให้ Google รู้ว่าเรามีเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกัน และอาจจะช่วยให้เว็บไซต์ของเราได้รับการจัดอันดับที่ดีขึ้น นอกจากนี้ Canonical Tags ยังช่วยให้เราสามารถลดจำนวน URL ในเว็บไซต์ลงได้ ซึ่งจะช่วยให้เราลดเวลาในการบำรุงรักษาเว็บไซต์และเพิ่มประสิทธิภาพในการทำ SEO
การใช้ Canonical Tags เป็นเทคนิคที่สำคัญและมีประสิทธิภาพสูงในการทำ SEO ซึ่งจะช่วยให้เราปรับปรุงคุณภาพเว็บไซต์ได้อีกด้วย ดังนั้นหากคุณต้องการที่จะเพิ่มประสิทธิภาพในการทำ SEO คุณไม่ควรพลาดที่จะใช้ Canonical Tags ในเว็บไซต์ของคุณ
Frequently Asked Questions
วิธีการใช้ Canonical Tags ในเว็บไซต์
การใช้ Canonical Tags ในเว็บไซต์เป็นการระบุ URL หลักของหน้าเว็บที่เราต้องการให้ Google จดจำ (Index) และแสดงผลในการค้นหา โดยทำให้เราสามารถป้องกันการแสดงผลของเนื้อหาที่ซ้ำกัน (Duplicate Content) ได้
Canonical Tags คืออะไรและทำไมต้องใช้
Canonical Tags คือ Tag ที่บอกว่า URL ที่อยู่ใน Tag นั้นเป็นหน้าหลักเพื่อให้ Bot ของ Google จดจำ (Index) หน้านั้นๆ หากมีหน้าอื่นที่มีเนื้อหาซ้ำกันอยู่ (Duplicate Content) และไม่ให้หน้าที่มีเนื้อหาซ้ำกับหน้าหลักปรากฏในผลการค้นหา
การตั้งค่า Canonical Tags ในเว็บไซต์
การตั้งค่า Canonical Tags ในเว็บไซต์จะต้องระบุ URL หลักของหน้าเว็บที่ต้องการให้ Google จดจำ (Index) และแสดงผลในการค้นหา โดยการใช้ Tag ในรูปแบบ <link rel=”canonical” href=”URL” /> โดยระบุ URL หลักของหน้าเว็บใน href
Canonical Tags ช่วยอะไรใน SEO
Canonical Tags ช่วยให้เว็บไซต์ไม่มีเนื้อหาที่ซ้ำกัน (Duplicate Content) และช่วยให้ Google จดจำ (Index) หน้าที่เราต้องการให้แสดงผลในการค้นหา ซึ่งจะช่วยเพิ่มโอกาสในการเพิ่มอันดับของเว็บไซต์ในการค้นหา
เมื่อไหร่ควรใช้ Canonical Tags
เมื่อมีหน้าเว็บที่มีเนื้อหาที่ซ้ำกัน (Duplicate Content) หรือมีหลาย URL ที่อาจจะแสดงผลบน Google ได้ ในกรณีเช่นนี้ Canonical Tags จะช่วยป้องกันไม่ให้ Google จดจำ (Index) เนื้อหาที่ซ้ำกัน และช่วยเพิ่มโอกาสในการเพิ่มอันดับของเว็บไซต์ในการค้นหา
Canonical Tags มีผลต่อการออกแบบเว็บไซต์อย่างไร
Canonical Tags เป็น Tag ที่ใช้เพื่อช่วยในการบอก Google Bot ว่าหน้าเว็บไซต์ใดเป็นหน้าหลักที่สำคัญ และต้องการให้ Google จดจำ (Index) หน้านั้นๆ โดยเฉพาะในกรณีที่มีหน้าเว็บไซต์หลายหน้าที่มีเนื้อหาที่ซ้ำกัน หรือมี URL ที่คล้ายกันมากเกินไป การใช้ Canonical Tags จะช่วยป้องกันการเกิดปัญหา Duplicate Content และช่วยให้ Google รู้ว่าหน้าไหนเป็นหน้าหลักที่สำคัญของเว็บไซต์
การใช้ Canonical Tags จะช่วยให้ Google รู้ว่าหน้าไหนเป็นหน้าหลักที่สำคัญของเว็บไซต์ และช่วยให้ Google จดจำหน้านั้นๆ และไม่ให้เกิดปัญหา Duplicate Content ที่อาจจะทำให้เว็บไซต์ของคุณไม่ได้รับการจัดอันดับในการค้นหาของ Google อีกด้วย
การใช้ Canonical Tags จะช่วยให้เว็บไซต์ของคุณมีความน่าเชื่อถือในการค้นหาของ Google และช่วยให้เว็บไซต์ของคุณมีโอกาสได้รับการจัดอันดับในการค้นหาของ Google มากขึ้น
อ้างอิง :
https://www.semrush.com/blog/canonical-url-guide/
https://ahrefs.com/blog/canonical-tags/
หากคุณกำลังต้องการหาคน รับทำ SEO แต่ยังไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นอย่างไร คุณสามารถปรึกษาได้ฟรีโดยไม่มีค่าใช้จ่าย แนะนำให้ติดต่อเราเพื่อขอคำปรึกษาและแผนการดำเนินงานที่เหมาะสมสำหรับธุรกิจของคุณ ทีมงานของเรามีความเชี่ยวชาญในการดำเนินงาน SEO และจะเป็นอย่างยินดีที่จะช่วยเสริมสร้างออนไลน์ของธุรกิจคุณให้เติบโตและประสบความสำเร็จครับ
- Maintenance เว็บไซต์ WordPress ดูแลอย่างมืออาชีพในยุค AI SEO 2024 - ธันวาคม 10, 2024
- วิธี ย้ายภาษาจาก qTranslate ไป WPML - สิงหาคม 15, 2024
- 10 หลักการออกแบบเว็บไซต์ ทำยังไงให้โดนใจผู้ใช้และ SEO - พฤษภาคม 5, 2024