การออกแบบเว็บไซต์ไม่ได้เป็นเพียงแค่การสร้างหน้าเว็บที่สวยงาม แต่ยังเกี่ยวข้องกับ การจัดการโครงการ การสื่อสารกับลูกค้า และการทำให้ทุกอย่างราบรื่น ตั้งแต่ต้นจนจบ
บทความนี้จะพาคุณไปรู้จัก ขั้นตอนการออกแบบเว็บไซต์แบบมืออาชีพ ที่เหมาะกับโครงการที่มีมูลค่าประมาณ $10,000 หรือมากกว่า ซึ่งสามารถช่วยให้คุณทำงานได้เป็นระบบ ลดข้อผิดพลาด และสร้างความมั่นใจให้ลูกค้า
1. ความสำคัญของการโทรขาย (Sales Call)
Sales Call หรือการโทรคุยกับลูกค้าเป็นด่านแรกที่สำคัญ แม้หลายคนจะรู้สึกกดดันหรือกังวล แต่การเตรียมตัวให้ดีจะช่วยให้คุณรับมือได้ง่ายขึ้น
เป้าหมายของการโทรขาย:
- ประเมินว่าลูกค้าเหมาะกับเราหรือไม่ → ไม่ใช่ว่าทุกลูกค้าจะเหมาะกับการทำงานร่วมกัน
- ให้ข้อมูลเกี่ยวกับกระบวนการทำงานของเรา → สร้างความเข้าใจที่ตรงกันตั้งแต่แรก
- กำหนดเงื่อนไขและงบประมาณของโครงการ → ป้องกันปัญหาจาก Scope Creep
Tip: ถ้ารู้สึกว่าลูกค้าเป็น “Bad Fit” หรืออาจทำให้โครงการยุ่งยาก อย่ากลัวที่จะปฏิเสธ!
2. สัญญาและใบแจ้งหนี้ (Contract & Invoice Process)
หลังจากที่คุยกับลูกค้าและตกลงกันได้ ขั้นตอนต่อไปคือการส่งสัญญาและใบแจ้งหนี้
สิ่งที่ควรทำในขั้นตอนนี้:
✅ ส่ง สัญญาที่ระบุขอบเขตงาน (Scope of Work), กำหนดเวลา และค่าบริการ
✅ ขอ เงินมัดจำ (Deposit) เพื่อยืนยันการจองคิวงานของลูกค้า
✅ ใช้ระบบ Invoice Automation เช่น Stripe หรือ PayPal เพื่อให้ลูกค้าจ่ายเงินง่ายขึ้น
3. แบบสอบถามเกี่ยวกับแบรนด์ (Brand Questionnaire)
ก่อนเริ่มงานจริง เราต้องเข้าใจธุรกิจของลูกค้าให้ชัดเจน แบบสอบถามนี้ช่วยให้ลูกค้าสะท้อนตัวตนของแบรนด์ และช่วยให้การออกแบบมีทิศทางที่ชัดเจน
คำถามสำคัญที่ควรถาม:
- แบรนด์ของคุณคืออะไร?
- จุดขายหลักของคุณคืออะไร?
- กลุ่มเป้าหมายหลักคือใคร?
- มีแบรนด์ไหนที่คุณชื่นชอบเป็นพิเศษไหม?
4. การวางแผนโครงการ (Project Planning)
นักออกแบบเว็บไซต์ต้องเป็นทั้งนักออกแบบและผู้จัดการโครงการในเวลาเดียวกัน
สิ่งที่ควรทำในขั้นตอนนี้:
✅ สร้าง Project Timeline กำหนด Deadlines และส่งให้ลูกค้า
✅ แจ้ง ขั้นตอนต่าง ๆ ให้ชัดเจน ว่าแต่ละช่วงของงานต้องทำอะไรบ้าง
✅ นัดหมาย Kickoff Call เพื่อเริ่มต้นโครงการอย่างเป็นทางการ
5. การประชุมเริ่มต้นโครงการ (Kickoff Call)
นี่คือจุดเริ่มต้นอย่างเป็นทางการของโครงการ
สิ่งที่ควรทำใน Kickoff Call:
- ยืนยันว่าลูกค้าได้จ่ายงวดที่ 2 แล้ว
- ทบทวน Timeline ของโครงการ
- อธิบายวิธีการสื่อสารและส่งงาน
- ทำ Brand Interview เพื่อรวบรวมข้อมูลที่ลึกขึ้นเกี่ยวกับแบรนด์
6. การสร้าง Project Brief
Project Brief คือเอกสารสำคัญที่ช่วยให้ทั้ง ลูกค้าและนักออกแบบอยู่ในทิศทางเดียวกัน
📌 Project Brief ควรประกอบด้วย:
- ข้อมูลลูกค้า
- วัตถุประสงค์ของเว็บไซต์
- ฟีเจอร์หลักที่ต้องมี
- กรอบเวลาของโครงการ
7. การพัฒนา Brand Kit (Brand Identity & Style Guide)
ก่อนเริ่มออกแบบเว็บไซต์ เราต้องกำหนด Brand Identity ให้ชัดเจน
🎨 Brand Kit ควรมี:
✅ โลโก้ (Logo)
✅ สีประจำแบรนด์ (Brand Colors)
✅ ฟอนต์ (Typography)
✅ Moodboard & Style Guide
8. การเขียนเนื้อหาเว็บไซต์ (Website Copywriting)
“เนื้อหานำการออกแบบ ไม่ใช่ออกแบบแล้วค่อยใส่เนื้อหา”
กระบวนการเขียน Copywriting:
1️⃣ รวบรวมข้อมูลจาก Brand Interview และ Testimonial ของลูกค้า
2️⃣ ร่างเนื้อหาแบบ Draft ก่อน → แล้วค่อยปรับปรุง
3️⃣ ให้ลูกค้าตรวจสอบเนื้อหา ก่อนเข้าสู่กระบวนการออกแบบ
9. การออกแบบและพัฒนาเว็บไซต์ (Website Building)
นี่คือจุดที่ทุกอย่างเริ่มเป็นรูปเป็นร่าง
ขั้นตอนที่ต้องทำ:
✅ จัดวาง Layout ตามเนื้อหาที่เตรียมไว้
✅ นำ Brand Identity มาใช้ให้สอดคล้องกับภาพลักษณ์ของแบรนด์
✅ ติดตั้งปลั๊กอินหรือ Integration ที่จำเป็น (เช่น CRM, Payment Gateway)
✅ ตรวจสอบ SEO และ Mobile Responsiveness
10. การเช็คสถานะงานกับลูกค้า (Check-in Call)
📞 Check-in Call (ใช้เวลา 10-15 นาที) ช่วยให้ลูกค้ารู้ว่างานกำลังดำเนินไปตามแผน
สิ่งที่ต้องทำ:
- แจ้งความคืบหน้า
- ตอบคำถามที่ลูกค้ามี
- ยืนยันกำหนดการสำหรับ Presentation Call
11. การนำเสนอเว็บไซต์ (Presentation Call)
การประชุมนี้มีเป้าหมายเพื่อแสดงเว็บไซต์ให้ลูกค้าดู ก่อนเปิดให้มี Feedback
📌 การนำเสนอที่ดีควรมี:
- การอธิบายเหตุผลเบื้องหลังการออกแบบ
- ชี้ให้เห็นว่าดีไซน์นี้ตอบโจทย์ธุรกิจของลูกค้าอย่างไร
- ให้เวลาลูกค้าทบทวนก่อนส่งคำขอแก้ไข
12. การเปิดตัวเว็บไซต์ (Launch Call)
🎉 Launch Call คือขั้นตอนสุดท้ายก่อนเปิดเว็บอย่างเป็นทางการ
สิ่งที่ต้องทำ:
✅ ยืนยันว่าลูกค้าชำระเงินงวดสุดท้ายแล้ว
✅ แนะนำการใช้งานเว็บไซต์ให้ลูกค้ารู้วิธีจัดการเนื้อหา
✅ สรุปแผน Support หลังจากเว็บไซต์เปิดตัว
13. กระบวนการ Offboarding และดูแลลูกค้าหลังจบงาน
การดูแลลูกค้าหลังจากเว็บไซต์เปิดตัวช่วยสร้างความสัมพันธ์ที่ดี และอาจนำไปสู่การจ้างงานในอนาคต
📌 สิ่งที่ควรทำใน Offboarding Process:
- ส่ง คู่มือการใช้งานเว็บไซต์ ให้ลูกค้า
- ขอ รีวิวหรือ Testimonial เพื่อนำไปใช้ในพอร์ตโฟลิโอ
- เชิญลูกค้าเข้าร่วม Referral Program เพื่อให้พวกเขาแนะนำลูกค้าคนอื่น ๆ มาให้เรา
สรุป
✅ การทำงานเป็นระบบช่วยให้โครงการออกแบบเว็บไซต์ราบรื่น
✅ ลูกค้ารู้สึกมั่นใจ และช่วยลดปัญหาการสื่อสารผิดพลาด
✅ การดูแลลูกค้าหลังจากจบงานเป็นสิ่งสำคัญในการสร้างธุรกิจระยะยาว
📢 หากคุณต้องการเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับกระบวนการออกแบบเว็บไซต์ ลองดูบทความอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น “สัญญาทำเว็บควรมีอะไรบ้าง?” หรือ “วิธีจัดการ Scope Creep อย่างมืออาชีพ”
👉 สนใจทำเว็บไซต์แบบมืออาชีพ? ติดต่อเราได้เลย! 🚀
- Client Onboarding: สร้างระบบรับลูกค้าให้ราบรื่น เพิ่มความพึงพอใจ & ปิดดีลง่ายขึ้น 🚀 - มีนาคม 12, 2025
- เทคนิคหาลูกค้าคุณภาพ – เปลี่ยนพอร์ตโฟลิโอให้เป็นเครื่องมือดึงดูดลูกค้า 🚀 - มีนาคม 11, 2025
- Cold Outreach: เทคนิคปิดดีลลูกค้าใหม่ แม้ไม่มีคอนเนคชั่น 🚀 - มีนาคม 10, 2025